12 ประโยชน์ จากมัลเบอร์รี่

ผลไม้อีกอย่างหนึ่งของตระกลู เบอร์รี่ ที่จะมาแนะนำให้ชาวรักสุขภาพในวันนี้ก็คือ มัลเบอร์รี่ หรือบางคนอาจจะเรียกว่า ลูกหม่อน ก็ไม่ผิดอะไร เพราะจากกระแสการออกกำลังกายต่างๆและการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่นิยมเพิ่มมากขึ้น มัลเบอร์รี่ หรือ ลูกหม่อน จึงเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากสรรพคุณของตัวมันเอง แทบจะเรียกได้ว่าเป็น ซุปเปอร์ฟู๊ด Super food อีกชนิดที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้ทางเราจะพาไปรู้จักคุณประโยชน์ที่มากมายของผลไม้ชนิดนี้กัน ว่ามันจะดีอย่างที่เค้าว่ากันหรือไม่

12 ประโยชน์ จากมัลเบอร์รี่

มัลเบอร์รี่ คืออะไร?

Mulberry หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Morus nigra. L.(admin ก็อ่านไม่ค่อยออกเหมือนกันจ้ะ) เป็นพืชในตระกูลเบอร์รี่ ที่คนไทยมักจะรู้จักในอีกชื่อหนึ่งคือ ลูกหม่อน ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เรานำใบมาใช้ในการเลี้ยง หนอนไหม นั่นเอง ลักษณะของต้นหม่อนนั้นจะเป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มขนาดไม่ใหญ่มาก เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อน ไม่มีหนาม แต่มียางสีขาวขุ่น ใบมีลักษณะเป็นรูปคล้ายหัวใจ ขอบหยัก ปลายแหลม ผิวใบสาก ดอกเป็นรูปทรงกระบอก จะออกดอกและผลตามซอกใบและปลายยอด ผลของหม่อนลักษณะเป็นผลรวม สีของผลเมื่อเริ่มติดลูกจะเป็นสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนถึงดำเมื่อผลแก่เต็มที่ รสชาดหวามอมเปรียว

สายพันธ์ของ มัลเบอร์รี่ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 สายพันธ์ คือ มัลเบอร์รีสีขาว มัลเบอร์รีสีแดง และมัลเบอร์รีสีดำ

ทำไมผลไม้ชนิดนี้ จึงเป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพ?

เพราะ มัลเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ โดยใน 100 กรัมจะให้พลังงานเพียงแค่ 43 กิโลแคลอรี่เท่านั้น แต่มีสารที่มีประโยชน์สูง ดังตารางที่แสดงนี้

– คาร์โบไฮเดรต 9.80 กรัม
– โปรตีน 1.44 กรัม
– ไขมัน 0.39 กรัม
– ไฟเบอร์ 1.7 กรัม
– โฟเลต 6 ไมโครกรัม
– วิตามินบี 3 (ไนอะซิน) 0.620 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 6 (ไพริด็อกซิน) 0.050 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 0.101 มิลลิกรัม
– วิตามินเอ 25 ยูนิต
– วิตามินซี 36.4 มิลลิกรัม
– วิตามินอี 0.87 มิลลิกรัม
– วิตามินเค 7.8 ไมโครกรัม
– โซเดียม 10 มิลลิกรัม
– โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัม
– แคลเซียม 39 มิลลิกรัม
– ทองแดง 60 ไมโครกรัม
– ธาตุเหล็ก 1.85 มิลลิกรัม
– แมกนีเซียม 18 มิลลิกรัม
– เซเลเนียม 0.6 ไมโครกรัม
– สังกะสี 0.12 มิลลิกรัม
– เบต้า-แคโรทีน 9 ไมโครกรัม
– ลูทีน-ซีแซนทีน 136 ไมโครกรัม

12 ประโยชน์มัลเบอร์รี เด่นดีเรื่องสุขภาพ

เช่นเดียวกับญาติในตระกูลเบอร์รี มัลเบอร์รีถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากมาย ด้วยเพราะคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่นอยู่ในผลสีเข้ม และรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวถูกปาก อีกทั้งยังสามารถรับประทานได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบผลสด ผลอบแห้ง มัลเบอร์รีกวน หรือจะดื่มเป็นเครื่องดื่ม อย่างน้ำมัลเบอร์รี จึงทำให้มัลเบอร์รีกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมได้ไม่ยาก เราลองไปดูกันดีกว่าว่ามัลเบอร์รีมีดียังไงกันบ้าง

1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

อาการระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมักเป็นปัญหาของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่มัลเบอร์รีมีสรรพคุณช่วยไม่ให้น้ำตาลในเลือดเกิดการผกผันโดยจะเข้าไปชะลอการย่อยของคาร์โบไฮเดรต ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่เกิดการผกผันจนส่งผลเสียต่อร่างกาย

2. ลดคอเลสเตอรอล

คอเลสเตอรอลเป็นไขมันที่อยู่ในร่างกายซึ่งจำเป็นต้องควบคุมให้อยู่ในระดับปกติ เพราะหากมีมากเกินไปอาจจะทำให้เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ อาทิ โรคหัวใจ และหลอดเลือด ซึ่งการรับประทานมัลเบอร์รีสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) และกระตุ้นการสร้างคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (HDL) อีกทั้งยังช่วยลดไขมันในตับ และความเสี่ยงไขมันพอกตับได้อีกด้วยค่ะ

โรคคอเรสเตอรอล

3. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

มัลเบอร์รีถือเป็นพืชในตระกูลเบอร์รีที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงคุณค่า ที่ช่วยป้องกันเซลล์ต่าง ๆ จากการถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบต่าง ๆ และริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัย ไม่เพียงเท่านั้น สารต้านอนุมูลอิสระในมัลเบอร์รียังช่วยบำรุงผิวให้ดูเนียนนุ่ม กำจัดจุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนผิว และยังบำรุงผมให้เงางามได้อีกด้วย

บำรุงสมอง

4. บำรุงสมอง

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ทำการทดลองกับหนูตัวผู้ พบว่า เมื่อให้หนูทดลองที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมองกินมัลเบอร์รี หนูเหล่านั้นจะมีความจำที่ดีขึ้น และลดการเกิดภาวะออกซิเดชั่น อันเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระในมัลเบอร์รีก็ยังป้องกันไม่ให้เซลล์สมองถูกทำลายด้วย

5. ป้องกันโรคมะเร็ง

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าโรคมะเร็งเกิดจากภาวะความผิดปกติของเซลล์ที่เกิดจากการที่เซลล์ถูกทำลาย ซึ่งวิธีการป้องกันก็คือการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และในมัลเบอร์รีก็มีเจ้าสารนี้อยู่ไม่ใช่น้อย โดยสารเหล่านี้จะไปทำการยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และกำจัดเซลล์มะเร็งไปพร้อม ๆ กัน นับว่าเป็นอาหารต้านมะเร็งที่ให้ผลที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

6. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่ไม่ค่อยพบได้ง่ายในพืช แต่กลับมีในมัลเบอร์รี ซึ่งเจ้าสารชนิดนี้จะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายสามารถส่งออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น

7. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

มัลเบอร์รีเป็นพืชที่มีสารอัลคาลอยด์ (Alkaloids) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยสร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยจะไปกระตุ้นเซลล์แมคโคเฟจ (macrophages) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่เข้ามาในร่างกาย ส่งผลให้เราไม่ป่วยง่ายค่ะ

8. ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารที่พบได้ในเปลือกผลไม้บางชนิด เช่น องุ่น และพืชตระกูลเบอร์รีบางชนิด และในมัลเบอร์รีก็มีอยู่ไม่น้อยเลยเชียวล่ะ ว่ากันว่าหากบริโภคอาหารที่มีสารชนิดนี้จะช่วยควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงจนเกินไป และลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดด้วย

สายตา

9. บำรุงสายตา

ซีแซนทีนที่อยู่ในมัลเบอร์รี เป็นสารสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพดวงตา โดยสารนี้จะเข้าไปลดภาวะออกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นในดวงตา ป้องกันการเกิดจอประสาทตาเสื่อม อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระในมัลเบอร์รีก็ยังช่วยให้ดวงตาใสปิ๊ง นี่ยังไม่รวมถึงวิตามินบี 1 ที่มีประโยชน์ในการบำรุงสายตาโดยตรง ดีขนาดนี้ใครจะอดใจไหว

10. ช่วยในการล้างพิษ

ในแพทย์แผนจีน มัลเบอร์รีถือเป็นสมุนไพรชั้นดีที่ช่วยล้างพิษในตับ ไต และเลือด อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกาย ช่วยแก้อาการเมาค้างได้ดี คอดื่มทั้งหลายทราบแล้วต้องหามากินด่วนเลย

11. เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

แคลเซียม วิตามินเค ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ที่มีอยู่รวมกันในผลมัลเบอร์รีแบบจัดเต็ม ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกและป้องกันภาวะกระดูกพรุน อีกทั้งยังชะลอการเสื่อมสภาพของกระดูกตามวัยได้ ยิ่งถ้ารับประทานกับโยเกิร์ตละก็จะยิ่งได้แคลเซียมเพิ่มขึ้นอีกเพียบเลย

แข็งแรง

12. ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย

ปริมาณไฟเบอร์ที่ไม่เป็นรองใคร ทำให้มัลเบอร์รีเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ดีสำหรับระบบขับถ่าย ไฟเบอร์ในมัลเบอร์รีจะเข้าไปกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานเป็นปกติ และช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อีกทั้งยังช่วยแก้ท้องอืด และจุกเสียดได้อีกด้วย
ข้อควระระวังในการรับประทานมัลเบอร์รี

อย่างไรก็ตามแม้มัลเบอร์รีจะมีประโยชน์ แต่ก็ควรระมัดระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้มัลเบอร์รีไม่ควรรับประทานอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้อาการกำเริบ ขณะที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานก็ควรรับประทานแต่พอดี เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หากรับประทานมากเกินไปอาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำจนเป็นอันตราย ทางที่ดีก่อนรับประทานควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีที่สุดค่ะ

ด้วยประโยชน์ที่อัดแน่นในผลไม้สีแดงเข้มนี้ ถ้าจะให้เรียกว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดแบบไทย ๆ ก็คงจะไม่ผิด ซึ่งในปัจจุบันก็ยังหารับประทานได้ง่าย ทั้งแบบผลสด ผลอบแห้ง น้ำผลไม้ รวมทั้งในรูปแบบอาหารเสริม ใครสะดวกรับประทานแบบไหนก็ลองหามาทานเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกันเลย และจะยิ่งดีขึ้นไปอีกถ้าดูแลสุขภาพในด้านอื่น ๆ ไปด้วยค่ะ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *